จากพระราชดำรัส
: เศรษฐกิจพอเพียง มิได้จำกัดเฉพาะของเกษตรกรหรือชาวไร่ชาวนาเพียงเท่านั้นแต่เป็นเศรษฐกิจของทุกคนทุกอาชีพ
ทั้งที่อยู่ในเมืองและอยู่ในชนบท เช่น ผู้ที่ได้เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมและบริษัทในระบบเศรษฐกิจพอเพียง
ถ้าจะต้องขยายกิจการเพราะความเจริญเติบโตจากเนื้อของงาน
โดยอาศัยการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือหากจะกู้ยืมก็กระทำตามความเหมาะสม
ไม่ใช่กู้มาลงทุนจนเกินตัวจนไม่เหลือที่มั่นให้ยืนอยู่ได้ เมื่อภาวะของเงินผันผวน
ประชาชนก็จะต้องไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัวและ
(จากการศึกษารายงานการวิจัยศึกษาการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านโงกน้ำ)
นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในกระบวนการประกอบอาชีพของชุมชน ตำบลนาขยาด
อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง
ของจังหวัดพัทลุง ในปี 2544 และเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงทั้งในระดับครัวเรือน
กลุ่มองค์กร และระดับหมู่บ้าน ได้ยึดหลักทางสายกลาง อันได้แก่ 3 ห่วงยึดเหนี่ยว
และ2 ห่วงเงื่อนไขการปฏิบัติ โดยเสนอผลการวิเคราะห์ในแต่ละด้านดังนี้ 3 ห่วงยึดเหนี่ยว
1.
ด้านความพอประมาณชุมชนรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างพอเพียง
เหมาะสมแบบค่อยเป็นค่อยไปใช้เทคโนโลยีเท่าที่จำเป็น มีรายได้เสริมจากการปลูกผัก
เลี้ยงสุกร เลี้ยงโค เลี้ยงปลาดุก ไว้จุนเจือครอบครัวอีกทางหนึ่ง
สภาพเศรษฐกิจของครอบครัวเหมาะสมตามอัตภาพของตน
2. ด้านความมีเหตุผลใช้ทรัพยากรทุกชนิดอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงสุด
เน้นการใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นและตอบสนองตลาดในท้องถิ่น เน้นการจ้างงานเป็นหลัก
โดยไม่นำเทคโนโลยีมาทดแทนแรงงาน มีขนาดการผลิตที่สอดคล้องกับความสามารถในการบริหารจัดการ
เช่น ใช้พื้นที่ทางการเกษตรที่ว่างอยู่อย่างคุ้มค่า โดยการปลูกพืชผักสวนครัวข้างบ้าน
พื้นที่สวนข้างบ้าน ตามสายรั้วบ้าน บางครอบครัว ก็ปลูกพืชผักและผลไม้ครบวงจรเพื่อลดค่าใช้จ่าย
บางครอบครัวก็เลี้ยงโค เลี้ยงสุกร เลี้ยงปลาดุก กลุ่มอาชีพทำขนมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือนจากอาชีพเสริม
“ชาวบ้านโงกน้ำ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอยู่ในชุมชนไม่ค่อยไปทำงานนอกหมู่บ้านและไม่ค่อยมีคนนอกมาค้าขายหรือประกอบอาชีพในหมู่บ้าน
3.
ด้านความมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีเน้นการกระจายความเสี่ยงจากการมีผลผลิตหลากหลาย
ไม่ก่อหนี้จนเกินความสามารถในความบริหารจัดการ มีการเปิดศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านขึ้นที่กลุ่มออมทรัพย์บ้านโงกนํ้า
ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับคนในชุมชน และกลุ่มอาชีพต่างๆ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการอย่างต่อเนื่อง
มีการทำกลุ่มปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมีได้ค่อนข้างมาก
การรวมกลุ่มทำปลาดุกร้าทำให้เพิ่มมูลค่าของปลาดุก และถนอมอาหารเก็บไว้รับประทานได้นานขึ้น
นอกจากช่วยในด้าน การประกอบอาชีพหลักแล้ว ยังมีกลุ่มทำสบู่เหลว ยาสระผม ซึ่งก็ให้การสนับสนุน
และมีส่วนร่วมอยู่เสมอ ในส่วนของข้อเสนอแนะนั้น ยังบอกว่า อยากให้หน่วยงานทางราชการเข้ามาส่งเสริม
และให้ความรู้กับกลุ่มต่างๆอย่างสมํ่าเสมอ และต่อเนื่อง และอยากให้มีกลุ่มอาชีพเสริมนี้ให้ความรู้ด้านอาชีพบางอย่างเช่น
การซ่อมรถ มอเตอร์ไซค์ การเย็บผ้า การเชื่อมโลหะ ช่างตัดผม เป็นต้น
เพราะหลายคนอยากให้หน่วยงานทางราชการเข้ามาอบรมให้บ้าง เพื่อให้สามารถซ่อมแซมของตนเองได้และประกอบอาชีพเป็นธุรกิจ
หรือกลุ่มของตนเอง เพื่อให้มีรายได้เสริมของครอบครัวด้วย
2 ห่วงเงื่อนไขการปฏิบัติ
1.
เงื่อนไขความรู้ในการประกอบอาชีพของคนในชุมชนบ้านโงกนํ้า มีความรอบคอบ มีความรู้
และมีความระมัดระวัง มีการทำแผนแม่บท การแบ่งงานความรับผิดชอบในแต่ละกลุ่ม
รู้จักการอนุรักษ์ทั้งสิ่งแวดล้อมและประเพณี
รู้จักการฟื้นฟูสิ่งที่มีคุณค่าที่หายไปแล้ว ให้กลับมาเป็นประโยชน์อีกครั้งหนึ่งตลอดจนมีการประยุกต์ภูมิปัญญาของการประกอบอาชีพ
แบบดั้งเดิม นำมาบูราณาการกับเทคนิคและวิธีการของการประกอบอาชีพในสมัยปัจจุบัน
แต่ทั้งนี้การสงเสริมการให้ความรู้ก็ต้องทำอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตลอดจนให้เกิดความทั่วถึงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลและของแต่ละกลุ่มอาชีพต่างๆตลอดจนให้สอดคล้องกับกระแสโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง
และความต้องการของผู้รับสินค้าและผู้รับบริการให้มากขึ้น ท้ายที่สุดคือ
การส่งเสริมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้รับการศึกษาสูงสุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เขาเหล่านั้นกลับมาพัฒนาบ้านเกิดภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
หัวหน้าครอบครัวส่วนใหญ่ได้อธิบายให้ทราบว่า การประกอบอาชีพซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาชีพเกษตรกรรมนั้น
มีการถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่นปู่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ มายังรุ่นลูก และหลานไปตลอด
ส่วนใหญ่แล้วเป็นการให้ความรู้จากการได้ลงมือปฏิบัติร่วมกัน เช่น เมื่อไปปลูกยางก็จะพาลูกหลานไปด้วย
ในขณะที่ไปช่วยเป็นการให้เขาได้มีส่วนร่วมโดยการสอน แนะนำ ให้ลูกหลานได้เห็น
การเลี้ยงสุกรก็เช่นกัน และอื่นๆ ก็เป็นลักษณะนี้ ถามมาให้ทางราชการนำความรู้มาให้ก็นานๆ
มาครั้ง แต่ก็ต้องเป็นหมู่บ้าน แต่ก็ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่โชคดีที่มีประชากรชาวบ้าน
ที่เป็นแหล่งให้ความรู้ได้ค่อนข้างมาก
ถึงแม้ว่าคนรุ่นใหม่จะไม่เรียนนอกบ้านมากขึ้น แต่ท่านก็รวบรวมความรู้
และวัสดุอุปกรณ์ในการทำมาหากินหรือประกอบอาชีพให้เห็น 2. เงื่อนไขคุณธรรมมีความซื่อสัตย์ในการประกอบการ
ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคและไม่เอารัดเอาเปรียบลูกค้ามีความขยันอดทน
การประกอบอาชีพของชุมชนบ้านโงกน้ำส่วนใหญ่แล้ว เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ในการประกอบอาชีพของตนเอง
มีความขยัน อดทน มีการแบ่งปันระหว่างครัวเรือน หัวหน้าครอบครัวที่มีอาชีพการทำสวนยางพารา
มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองในการขายผลผลิตจากยางพาราที่เป็นนํ้ายางมีคุณภาพ ไม่มีการใส่น้ำและสิ่งแปลกปลอม
มีความตระหนักในการเพาะปลูก โดยพยายามหลีกเลี่ยงในการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช
หันมาใช้สารกำจัดแมลงในธรรมชาติแทน ปุ๋ยที่ใช้ส่วนใหญ่ก็ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ
ที่ผลิตขึ้นมาเอง ใช้มูลปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด
เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในครัวเรือนเอง และยังผลไปถึงผู้ที่ซื้อไปบริโภคส่วนการเลี้ยงสัตว์ก็ใช้อาหารสัตว์จากธรรมชาติที่มีหรือเพาะปลูกเอง
เช่น หญ้าที่ใช้เลี้ยงโคเพาะ อาหารสุกรที่เหลือจากเศษอาหาร และอาหารจากพืชผัก
พืชธรรมชาติที่หาได้เอง หลีกเลี่ยงการใช้สารเร่งเนื้อแดง เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปในการทำมาหาเลี้ยงครอบครัว
ให้สมาชิกได้มีส่วนร่วม ห่างไกลยาเสพติด ถึงแม้ว่าหมู่บ้านโงกนํ้าจะเป็นชุมชนปลอดยาเสพติดก็ตาม
ซึ่งในขณะนี้ได้ทำงานร่วมกัน และมีการสอนคุณธรรมกับครอบครัวด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น